โครงงาน อนามัยแม่และเด็ก
ที่มาและความสำคัญ
อนามัยแม่และเด็กเป็นเรื่องใกล้ตัว สำหรับแม่ตั้งแต่ตั้งครรภ์ คลอด หลังคลอด และสำหรับลูกตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุ 5 ปี เราจึงทำการศึกษาวิธีการเลี้ยงดูลูกของแม่ จากที่ต่างๆ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจสำหรับแม่
วัตถุประสงค์ของโครงงาน1.เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจในเรื่องอนามัยแม่และเด็กให้สำหรับแม่
2.เพื่อศึกษาวิธีการส่งเสริมพัฒนาการของเด็ก
สมมุติฐาน2.เพื่อศึกษาวิธีการส่งเสริมพัฒนาการของเด็ก
สามารถเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเรื่องอนามัยแม่และเด็กให้สำหรับแม่
อุปกรณ์และวิธีการดำเนินงานตารางปฏิบัติโครงงาน 15 กันยายน – 8 ตุลาคม 2553
วันที่ปฏิบัติกิจกรรม | กิจกรรมที่ปฏิบัติ | สถานที่ปฏิบัติกิจกรรม |
15 กันยายน 2553 | เลือกหัวข้อการทำโครงงาน และนำเสนอครูที่ปรึกษา เก็บค่าโครงงาน คนละ 10 บาท | โรงเรียนอำนาจเจริญ |
16 กันยายน – 7 ตุลาคม 2553 | หาข้อมูลการทำโครงงาน แบ่งหน้าที่ และเขียนรายงานจัดทำรูปเล่ม | โรงเรียนอำนาจเจริญ |
8 ตุลาคม 2553 | นำเสนอโครงงาน | โรงเรียนอำนาจเจริญ |
ผลการดำเนินโครงงาน
นมแม่ คือ หยดแรกของสายใยรักแห่งครอบครัว
ประโยชน์นมแม่:
1. ลูกที่ได้กินนมแม่ มีสติปัญญาดีมากกว่าลูกที่ไม่ได้กินนมแม่ 2-7เท่า
2. เป็นวัคซีนสำเร็จรูปที่ได้จากแม่ ลดการปวดท้องจากท้องเสีย ปอดบวม เยื้อหุ้มสมองอักเสบ โรคภูมิแพ้ เบาหวาน
ลดโอกาสเกิดโรคภูมิแพ้ทำให้ลูกไม่ป่วยบ่อยดีกว่าเด็กที่กินนมผง 2-7 เท่า
3. เป็นอาหารที่ดีที่สุดของทารก มีไขมันที่ช่วยพัฒนาเซลล์สมอง-การพูดคุยกับลูกขณะให้นมแม่ช่วยกระตุ้นประสาททั้ง 5
ซึ่งจะช่วยส่งเสริมพัฒนาการ และความมั่นคงทางอารมณ์ของลูก
4. ประหยัดเงินครอบครัวเฉลี่ยเดือนละ 2,500 บาทต่อเด็ก 1 คน
ประโยชน์นมแม่:
1. ลูกที่ได้กินนมแม่ มีสติปัญญาดีมากกว่าลูกที่ไม่ได้กินนมแม่ 2-7เท่า
2. เป็นวัคซีนสำเร็จรูปที่ได้จากแม่ ลดการปวดท้องจากท้องเสีย ปอดบวม เยื้อหุ้มสมองอักเสบ โรคภูมิแพ้ เบาหวาน
ลดโอกาสเกิดโรคภูมิแพ้ทำให้ลูกไม่ป่วยบ่อยดีกว่าเด็กที่กินนมผง 2-7 เท่า
3. เป็นอาหารที่ดีที่สุดของทารก มีไขมันที่ช่วยพัฒนาเซลล์สมอง-การพูดคุยกับลูกขณะให้นมแม่ช่วยกระตุ้นประสาททั้ง 5
ซึ่งจะช่วยส่งเสริมพัฒนาการ และความมั่นคงทางอารมณ์ของลูก
4. ประหยัดเงินครอบครัวเฉลี่ยเดือนละ 2,500 บาทต่อเด็ก 1 คน
วิธีเลี้ยงลูกให้เก่ง ดี มีความสุข
อายุลูก | สิ่งที่พ่อแม่ควรทำ | สิ่งที่พ่อแม่ไม่ควรทำ |
ระยะตั้งครรภ์ | 1. ผ่อนคลาย ทำใจให้สบาย 2. พ่อดูแลเอาใจใส่ ช่วยเหลือแม่อย่างใกล้ชิด | 1. เครียด หงุดหงิด ใช้อารมณ์ 2. ตามใจตนเอง ไม่คำนึงถึงลูก ในครรภ์ |
แรกเกิด – 1 ปี | 1. อุ้มลูกอย่างนุ่มนวลโอบกอดแนบอก และลูบหลังเบาๆให้ลูกรู้สึกปลอดภัย 2. ขณะอุ้มลูกควรพูดคุย ร้องเพลงกล่อมแห่เมื่อให้นอน 3. เล่น พูดคุยกับลูกบ่อยๆ ทำให้ลูกอารมณ์ดี และเติบโตเร็ว 4. ถ้าลูกอยากทำเอง ควรปล่อยให้ลูกทำเอง ลองผิด ลองถูก | 1. ละเลยไม่ดูแล ทอดทิ้ง ใช้อารมณ์รุนแรงกับลูก 2. หงุดหงิดเมื่อลูกร้อง ถ้าทนไม่ได้ ควรผ่อนคลายด้วยการฝากคนอื่นเลี้ยงดูแล้วสงบอารมณ์ สักระยะ 3. ปกป้องตามใจลูกเกินไป ทำให้ลูกขาดวุฒิภาวะเอาแต่ใจ ขาดความอดทน |
อายุลูก | สิ่งที่พ่อแม่ควรทำ | สิ่งที่พ่อแม่ไม่ควรทำ |
1-3 ปี | 1. เปิดโอกาสให้ลูกได้ทำกิจวัตรประจำวัน ด้วยตนเองมากขึ้น 2. ถ้าลูกแสดงเกินกว่าเหตุ ควรดึงความสนใจไปที่สิ่งอื่น 3. พูดคุย เล่านิทาน ตอบคำถามลูก 4. เมื่อลูกปฏิเสธ ควรอธิบายเหตุผล 5. สอนลูกเก็บของเล่นให้เป็นที่ | 1.ไม่ยอมให้ลูกทำอะไรด้วยตนเอง 2. หลอกหรือขู่ให้กลัว จะทำให้ลูกกลัวผิดๆโดยไม่มีเหตุผล 3. หงุดหงิดเมื่อลูกซักถามหรือซุกซน 4. ยั่วให้ลูกโกรธ 5. บังคับให้ลูกอยู่เฉยๆนิ่งๆ |
3-6 ปี | 1. สอนลูกให้รู้ผิด รู้ถูก กล้าบอก เมื่อทำผิด 2. สอนให้รู้จัก ขอบคุณ ขอโทษ ไม่เป็นไรให้ติดปาก 3. สนับสนุนให้เล่นกับเด็กคนอื่น | 1. เปรียบเทียบลูกกับพี่น้องคนอื่น เพราะลูกจะน้อยใจและ มองตนเองไร้ค่า 2. เด็กทะเลาะกัน ไม่ตัดสินใจว่าใครผิด เพราะเด็กทะเลาะกัน ไม่นาน 3. สอนลูกแต่ไม่เป็นตัวอย่างที่ดีแก่ลูก 4. ทะเลาะกันใช้กำลังต่อหน้าลูก |
การศึกษาอนามัยแม่และเด็ก เป็นการสร้างความรู้ให้แม่ดูแลสุขภาพตนเองและลูกขณะตั้งครรภ์ คลอด และหลังคลอด
อ้างอิงและเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง สำนักส่งเสริมสุขภาพกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข. สมุดบันทึกสุขภาพแม่และเด็ก. พิมพ์ครั้งที่ 5. โรงพิมพ์องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก, 2553.